ทัวร์ตาตาร์สถาน-คาซาน-เยลาบูกา-คริสโตโพล-เกรท โบลการ์ 7 วัน
ทัวร์
ยุโรป
ระยะเวลา
7 วัน
สายการบิน
วันเดินทาง
7-13 ก.ค./ 18-24 ก.ย./ 9-15 ต.ค. 2563
Hilight

ทัวร์เจาะลึกตาตาร์สถาน-คาซาน-เยลาบูกา-คริสโตโพล-เกรท โบลการ์

เยือนตาตาร์สถาน อาณาจักรโบราณที่เคยยิ่งใหญ่ ที่ใครๆก็เกรงขาม

สัมผัสเมืองเล็กๆอันเป็นมรดกโลก และร่องรอยประวัติศาสตร์ที่ถูกลืม

แต่คงยังมีเสน่ห์อย่างล้นเหลือ ต้องไปเห็นด้วยตาในครั้งหนึ่งของชีวิต

แผนการท่องเที่ยว
  • Day 1
    วันแรก กรุงเทพฯ - มอสโคว์ - คาซาน
    • 07.00 น. พร้อมกันที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ณ อาคารผู้โดยสารขาออกระหว่างประเทศ ชั้น 4 ประตู 7 เคาน์เตอร์ N โดยสายการบิน AEROFLOT โดยมีเจ้าหน้าที่บริษัทคอยให้การต้อนรับและอำนวยความสะดวกในการเช็คอินด้านสัมภาระและเอกสารให้กับท่าน
      10.00 น. เหินฟ้าสู่ กรุงมอสโคว์ ประเทศรัสเซีย โดยเที่ยวบิน SU271 (1000-1600)  (ใช้เวลาบิน 10 ชั่วโมง)
      16.00 น. เดินทางถึงสนามบินนานาชาติเชเรเมเตียโว Terminal F - International  หลังผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองเรียบร้อยแล้ว แล้วเดินเท้าไปยัง Terminal B - Domestic รอเปลี่ยนเครื่องบินเพื่อเดินทางต่อไปยังจุดหมายปลายทาง คาซาน 
      19.20 น. เหินฟ้าสู่ เมืองคาซาน ประเทศรัสเซีย โดยเที่ยวบิน SU1194 (1920-2105)  (ใช้เวลาบิน 1 ชั่วโมง 45 นาที)
      21.05 น. เดินทางถึงสนามบินนานาชาติคาซาน หลังจากรับกระเป๋าสัมภาระเรียบร้อยแล้ว เชิญพบกับไกด์ท้องถิ่นแล้วนำท่านเดินทางเข้าสู่ใจกลางเมือง 25 กิโลเมตร เพื่อตรงไปยังโรงแรมที่พัก
      เข้าสู่โรงแรมที่พัก Mirage Hotel 5*, Kazan หรือเทียบเท่า 
  • Day 2
    วันที่สอง คาซาน - คาซาน ซิตี้ทัวร์ - เกาะซวิยาสค์ (B/L/D)
    • เช้า รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม
      เริ่มต้นออกเดินทางชมรอบ เมืองคาซาน (Kazan)  นำชมทิวทัศน์ แม่น้ำวอลก้า (Volga River) ที่ไหลผ่านรอบตัวเมือง แม่น้ำวอลก้า เป็นแม่น้ำที่ยาวที่สุดในทวีปยุโรป มีความยาวถึง 3,530 กิโลเมตร และยังเป็นแม่น้ำที่ใหญ่ที่สุดในทวีปยุโรป โดยมีพื้นที่รวมกว่า 1,350,000 ตารางกิโลเมตร ไหลผ่านไปยังใจกลางของรัสเซียไปจนถึงทะเลสาบ
      แคสเปียน (Caspian Sea) อีกด้วย จึงจัดว่าเป็นแม่น้ำแห่งชาติของประเทศรัสเซีย มีเมืองจำนวน 11 เมืองจาก 20 เมืองที่ใหญ่ที่สุดในรัสเซีย รวมถึงกรุงมอสโคว์ก็ตั้งอยู่บริเวณลุ่มแม่น้ำวอลก้าด้วยเช่นกัน นำท่านชม จัตุรัสเก่าแห่งตาตาร์ (Old Tatar Quarter) การก่อสร้างเริ่มขึ้นในปี ค.ศ. 1552 เมื่อเจ้าชายซาร์อีวานที่ 4 พิชิตเมืองคาซานได้สำเร็จ โดยได้ขับไล่ชาวตาตาร์มองโกลส่วนหนึ่ง ให้ไปอาศัยอยู่ทางตอนเหนือของเมืองบริเวณชายฝั่งของทะเลสาบคาบาน (Kaban Lake) พวกเขาจึงได้สร้างที่อยู่อาศัย  โรงเรียน และมัสยิดขึ้นมาให้เป็น “เมดิน่า” ซึ่งหมายถึงย่านศูนย์กลางของเมืองเก่าในตาตาร์สถาน ต่อมาได้กลายเป็นแหล่งผลิตเครื่องประดับ หมวกทรงต่างๆ รวมไปถึงของใช้ในครัวเรือน เมื่อมีการค้าขายเกิดขึ้น มีรายได้หมุนเวียน ความเป็นอยู่ก็เริ่มดีขึ้น กระทั่งเมื่อเวลาผ่านไป เมดิน่าแห่งนี้จึงกลายเป็นเขตที่ร่ำรวยและมีเสน่ห์ที่สุดในเรื่องของการท่องเที่ยวของเมืองคาซาน
      นำท่านเดินชม ถนนเลียบแม่น้ำแห่งคาซาน (Kazan Embankment)
        ซึ่งเดิมแต่ก่อนมีชื่อเรียกว่า “ถนนเลียบแม่น้ำคาซานก้า” ซึ่งสามารถเดินชมวิวจากบริเวณด้านบนทอดยาวไปตามแม่น้ำคาซานก้า โดยมีระยะทางเริ่มจากเครมลินแห่งคาซานไปยังศูนย์วัฒนธรรมแห่งชาติคาซาน ความยาวเพียงแค่ 1.5 กิโลเมตรเท่านั้น เป็นหนึ่งในสถานที่ที่มีเสน่ห์ที่สุดของเมือง 
      นำท่านชม เครมลินแห่งคาซาน (Kazan Kremlin) ถือว่าเป็นย่านประวัติศาสตร์ที่มี ความสำคัญมากแห่งหนึ่งของเมืองคาซาน ซึ่งถูกประกาศให้เป็นมรดกโลกในปี ค.ศ. 2000 ปัจจุบันสถานที่แห่งนี้ถือว่าเป็นป้อมปราการของตาตาร์ (Tatar Fortress) เพียงแห่งเดียวที่เหลืออยู่ในรัสเซีย ประกอบด้วยกลุ่มอาคารประวัติศาสตร์ที่โดดเด่นจากศตวรรษที่ 16-19 ซึ่งเป็นที่ตั้งของเหล่าอาคารเก่าแก่จำนวนมาก โดยอาคารที่เก่าแก่ที่สุด คือ 
      มหาวิหารอันนันซิเอชั่น (Annunciation Cathedral of Kazan Kremlin) หรือ มหาวิหารผู้ให้กำเนิด ถูกสร้างขึ้นโดยพระเจ้าซาร์อีวานที่ 4 ในปี ค.ศ. 1552 เป็นคริสตจักรแบบรัสเซียนออร์โธด็อกซ์ ปัจจุบันกลายเป็นศูนย์กลางของศาสนาและการศึกษาที่สำคัญมากแห่งหนึ่งของเมืองคาซาน และในบริเวณใกล้กันนั้นท่านจะได้ชม มัสยิดกุลชารีฟ (Qolsharif  Mosque) มัสยิดที่มีชื่อเสียงและมีขนาดใหญ่ที่สุดในรัสเซียและในทวีปยุโรปโดยมัสยิดถูกสร้างขึ้นในช่วงระหว่างคริสต์ศตวรรษที่ 16-17 และได้รับการบูรณะในภายหลังอีกครั้งหนึ่ง โดยการสมทบทุนจากนานาประเทศ เช่น ซาอุดิอาระเบียและสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ปัจจุบันมัสยิดแห่งนี้กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญและถือว่าเป็นจุดหมายปลายทางที่สำคัญของเหล่านักแสวงบุญเป็นจำนวนมาก 
      กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน  (ที่นี่ท่านจะได้ร่วมทำกิจกรรม การทำอาหารต้นตำรับลับเฉพาะของชาวตาต้าร์สถาน) 
      บ่าย และต้องไม่พลาดที่จะเยี่ยมชม หอคอยซูยุมบิก ทาวเวอร์ (Soyembika Tower) อีกหนึ่งจุดท่องเที่ยวที่ถือว่าเป็นแลนด์มาร์คที่มีชื่อเสียงของเครมลินแห่งคาซาน เป็นสิ่งก่อสร้างที่สูงที่สุดในเมืองคาซาน ปัจจุบันหอคอยแห่งนี้ได้กลายเป็นสัญลักษณ์ทางสถาปัตยกรรมที่มีความสำคัญมากที่สุดแห่งหนึ่งของเมืองคาซานอีกด้วย ตามตำนานกล่าวว่าเจ้าชายซาร์อีวานที่ 4 แห่งรัสเซีย ได้สร้างหอคอยแห่งนี้ให้กับเจ้าหญิงซูยุมบิก ธิดาแห่งเจ้าผู้ครองคาซาน เมื่อสร้างหอคอยแล้วเสร็จ เจ้าหญิงจึงตัดสินใจปลงพระชนม์ชีพตนเองโดยการกระโดดหอคอย เนื่อง จากไม่ต้องการแต่งงานกับเจ้าชาย หอคอยแห่งนี้ถูกสร้างด้วยอิฐสูงถึง 58 เมตร ประกอบด้วยฐานกว้างแนวโค้ง 6 ชั้น ซึ่งฐานของหอคอยแห่งนี้เริ่มยุบตัวลงทำให้หอคอยเอนตัวลงมาอย่างเห็นได้ชัด
      จากนั้นนำท่านชม พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติสาธารณรัฐตาตาร์สถาน (National Museum of the Republic of Tatarstan) ซึ่งเปิดให้เข้าชมครั้งแรกในวันที่ 5 เมษายน ปี ค.ศ.1895 เป็นอาคารพิพิธภัณฑ์ที่ถือว่าเป็นอนุสาวรีย์ทางสถาปัตยกรรมและประวัติศาสตร์ของรัสเซียและสาธารณรัฐตาตาร์สถาน เป็นศูนย์รวมรวมเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ โบราณวัตถุ เหรียญทองโบราณ รวมถึงคอลเล็คชั่นส่วนตัวของนักโบราณคดีและนักประวัติศาสตร์และอื่นๆอีกจำนวนมาก
      พาเดินเล่นบน ถนนบาวแมน (Bauman Street) ถูกตั้งชื่อตาม นิโคไล บาวแมน (Nikolay Bauman) นักปฏิวัติชาวรัสเซีย ถนนบาวแมนเป็นถนนที่มีชื่อเสียงมาตั้งแต่กลางคริสต์ศตวรรษที่16 และถูกเข้ายึดครองโดยกองทหารของเจ้าชายซาร์อีวานที่4 ซึ่งแต่ก่อนที่นี่ถูกเรียกว่าถนนโนไกจนถึงปีค.ศ.1930 ก่อนที่จะได้ชื่อปัจจุบันมาเพื่อเป็นความทรงจำในเหตุการณ์ที่เกิดการปฏิวัติที่คาซาน จนกระทั่งผ่านไปหลายศตวรรษ ที่นี่ได้ถูกพัฒนาขึ้นจนกลายมาเป็นสถานที่หลักแห่งการช้อปปิ้งของเมืองคาซาน โดยพ่อค้าแม่ค้าจะนำสินค้ามาขายโดยใช้การขนส่งทางน้ำผ่านแม่น้ำบูลัค ซึ่งมีท่าเรือและแผงลอยที่ใช้วางจำหน่ายสินค้าจำนวนมาก หลังจากนั้นในปีค.ศ.1986 ถนนสายนี้ก็ได้กลายมาเป็นถนนคนเดินในที่สุด
      ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ 
      เข้าสู่โรงแรมที่พัก Mirage Hotel 5*, Kazan หรือเทียบเท่า 
  • Day 3
    วันที่สาม คาซาน - พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์เมืองโบราณตาต้าร์สถาน - เยลาบูกา (B/L/D)

    • เช้า รับประทานอาหารอาหารเช้าในโรงแรม 
      ออกเดินทางไปชม พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์เมืองโบราณตาตาร์สถาน (Iske-Kazan State Historical-Cultural and Natural Museum-Reserve) ที่นี่จะพาท่านย้อนกลับไปในยุคประวัติศาสตร์ สถานที่แหล่งรวบรวมแสดงผลงานช่างฝีมือ สถาปัตยกรรมไม้งานก่อสร้างอาคาร งานไม้แกะสลัก ตั้งแต่ยุคสมัยการปกครองของข่านมาหลายชั่วอายุคนในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 13-14 ท่านจะได้ชมบ้านไม้สไตล์ตาตาร์ ทั้งยังเห็นอาวุธและกระสุนปืนโบราณที่ใช้ในการสู้รบจริง สัมผัสบรรยากาศของความเป็นเมืองโบราณด้วยการแสดงดนตรีพื้นเมืองและการเต้นรำขับกล่อมเพลงแบบฉบับชาวตาตาร์ พร้อมกับนำท่านเรียนรู้ วิธีการทำตูเบเตก้า (Tyubeteika) หมวกหรือเครื่องสวมศีรษะของชาวตาตาร์ดั้งเดิมแบบต่างๆ ให้ท่านได้ลองประดิษฐ์ด้วยตัวท่านเอง
      กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน
      เมื่อได้เวลาพอสมควร เดินทางต่อสู่ เมืองเยลาบูกา โดยมีระยะทางราว 210 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางราว 3 ชั่วโมง 
      เมืองเยลาบูกา เยลาบูกา แปลว่า เมืองแห่งพิพิธภัณฑ์ เมืองนี้ตั้งอยู่ทางฝั่งขวาของแม่น้ำคามาซึ่งเป็นแม่น้ำสายหลักของเมือง การสร้างบ้านแปงเมืองเริ่มขึ้นครั้งแรกในปีค.ศ.985 ซึ่งสร้างขึ้นเป็นตัวปราสาท โดยมีตำนานเล่าว่าสร้างบนตำแหน่งสุสานของกษัตริย์อเล็กซานเดอร์มหาราชแห่งมาซิโดเนีย จนกาลเวลาล่วงเลยต่อมาในช่วงปลายคริศต์ศตวรรษที่ 16 เริ่มมีชาวรัสเซียมาตั้งรกรากแทน ดังนั้นการชมเมืองเล็กๆอย่างเยลาบูกาที่ตั้งอยู่ในสาธารณรัฐตาตาร์สถานนั้นจึงเป็นโอกาสอันดีให้ท่านเห็นวิถีชีวิตของผู้คนที่อาศัยอยู่ที่นี่ ถูกแวดล้อมไปด้วยเรื่องราวที่เต็มเปี่ยมไปด้วยศิลปะ ประวัติศาสตร์ การสร้างบ้านเมือง การสืบสานแนวคิดและถ่ายทอดวัฒนธรรมพื้นถิ่นจากรุ่นสู่รุ่น เพราะทุกที่มีเรื่องราวให้เล่าขาน อิฐทุกก้อนและ อาคารทุกหลังต่างสามารถบอกเล่าเรื่องราวในอดีตได้เป็นอย่างดี และที่นี่คือบ้านเกิดของจิตรกรชื่อดัง อิวาน ชิชกิ้น (Ivan Shishkin) และ ดานาชดา ดูโรว่า (Danazhda Durova) หญิงสาวผู้มีจิตใจกล้าหาญ  เธอได้ปลอมตัวเป็นผู้ชายและลอบเข้าไปเป็นเจ้าหน้าที่ในกองพันทหารม้าในช่วงระหว่างสงครามนโปเลียน และได้เสียชีวิตลงในปี ค.ศ. 1866 นอกจากนี้ที่นี่ยังเป็นสถานที่ซึ่ง นักกวีนิพนธ์มาริน่า ซวีฟแตวา (Marina Tsvetayeva) ได้ตัดสินใจฆ่าตัวตายลงในปี ค.ศ. 1941 และร่างของนางได้ถูกฝังที่สุสานของเทศบาลเมืองเยลาบูกา มีลานถนนคนเดินที่ชาวเมืองมักจะมีกิจกรรมจัดกันอย่างต่อเนื่อง ผู้คนยังดำเนินวิถีชีวิตแบบดั้งเดิมตามแบบอย่างประเพณีและขนบธรรมเนียมเดิม ด้วยเหตุนี้เอง เยลาบูกา ถือเป็นเมืองแห่งศิลปินและศิลปะเมืองหนึ่งที่ควรค่าแก่การไปเยือน 
      บ่ายแก่ๆ นำท่านชม พิพิธภัณฑ์บ้านของศิลปินอิวาน ชิชกิ้น (Home of Artist Ivan Shishkin or  Shishkin Memorial House Museum) จิตรกรชื่อดังที่มีภาพวาดมากกว่า 800 ภาพ และในพิพิธภัณฑ์บ้านของเขามีให้เราได้ชมกันถึง 5 ภาพ อิวาน ชิชกิ้น เป็นเป็นจิตรกรภูมิทัศน์ชาวรัสเซียที่มีความคลั่งไคล้ภาพวาดสีเสมือนจริง (Peredvizhniki Painting) เป็นอย่างมาก ทำให้ภาพวาด
      ของเขาดูมีมิติและทรงคุณค่าด้วยตัวของมันเอง นอกจากภาพวาดแล้ว ท่านจะได้เรียนรู้การใช้ชีวิตของศิลปินอย่างใกล้ชิด จากข้าวของเครื่องใช้ในบ้าน อิวาน ชิชกิ้น เป็นศิลปินที่มีฐานะร่ำรวยถือเป็นชนชั้นสูงคนหนึ่งในคริสต์ศตวรรษที่19 ศิลปินผู้ชอบความสงบ จึงย้ายครอบครัวมาอยู่ที่เมืองเล็กๆอย่างเยลาบูกา ดังนั้น เครื่องประดับตบแต่งบ้านของเขายังคงแสดงความเป็นชนชั้นสูงและการเป็นอยู่ที่เรียบง่าย อาจทำให้ท่านสงสัยว่า เขาอยู่ที่เยลาบูกาได้อย่างไร
      นำท่านชม รูปปั้นของคนกวาดถนน และ รูปปั้นบุรุษไปรษณีย์ ที่ตั้งวางเรียงรายอยู่บนถนนคาซานสกายาในเมืองเยลาบูกาอย่างกลมกลืน เป็นผลงานศิลปะที่สะท้อนให้เห็นถึงวิถีชีวิตในช่วงยุคคริสต์ศตวรรษที่19  
      ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ
      เข้าสู่โรงแรมที่พัก Ramada Hotel & Suites by Wyndham Alabuga 3*, Yelabuga  หรือเทียบเท่า 
  • Day 4
    วันที่สี่ เยลาบูกา - คริสโตโพล - โบลการ์ (B/L/D)
    • เช้า รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม
      นำท่านชม เขตอนุรักษ์พิพิธภัณฑ์มรดกชาติทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งเมืองเยลาบูกา (Yelabuga State Historical and Architecture Museum-Reserve)  ก่อตั้งขึ้นในปีค.ศ.1990 ปัจจุบันมีอนุสรณ์สถานทางประวัติศาสตร์กว่า 184 แห่ง และมรดกทางวัฒนธรรมบนพื้นที่เขตอนุรักษ์พิพิธภัณฑ์แห่งเมืองเยลาบูกา ที่มีระบบแผนงานการพัฒนาของพิพิธภัณฑ์ต่างๆในทิศทางสนับสนุนการท่องเที่ยว ในปีค.ศ. 2009 เยลาบูกาได้ถูกเสนอชื่อเข้าประกวดพิพิธภัณฑ์ที่ดีที่สุดในยุโรปสามสิบแห่ง และในปี ค.ศ. 2012 งานเทศกาลระหว่างประเทศ "Intermuseum 2012" เยลาบูกาได้รับรางวัลและขึ้นสถานะเป็น "พิพิธภัณฑ์ที่ดีที่สุดในรัสเซียประจำปี ค.ศ. 2012"
      นำท่านชม ป้อมปราการเยลาบูซโก เซอโตโว (Elabuzhskoe Chertovo Hill Fort) ป้อมปราการแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นหอสังเกตการณ์ในอดีต ซึ่งปัจจุบันยังคงสภาพค่อนข้างสมบูรณ์ แวะเก็บภาพความประทับใจท่ามกลางวิวธรรมชาติ 360 องศา ที่นี่ยังถือได้ว่าเป็นชมจุดชมวิวที่สวยที่สุดในเยลาบูกาอีกด้วย
      ออกเดินทางไปยัง เมืองคริสโตโพล  โดยมีระยะทางประมาณ 165 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางราว 2.5 ชั่วโมง
      กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน
      บ่าย นำท่านชม เขตเมืองเก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของเมืองคริสโตโพล (Old Uyezd District) เมืองเล็กแต่น่ารักนี้มีสถานที่สำคัญทางสถาปัตยกรรมทั้งหมดของย่านเมืองเก่าตั้งรายเรียงอยู่สองฝากฝั่งถนนหลัก เมืองนี้นับว่าเป็นจุดกึ่งกลางของสาธารณรัฐตาตาร์สถาน โดยห่างจากเมืองหลวงคาซานไปเพียง 144 กิโลเมตร อาณาเขตพื้นที่เมืองมีขนาด 19 ตารางกิโลเมตรและมีประชากรราว 6 หมื่นคน ช่วงปลายคริสต์ศวรรษที่ 17 คริสโตโพลได้กลายมาเป็นเมืองที่ลี้ภัยสำหรับนักเขียนนักกวีชื่อดังในยุคสหภาพโซเวียต อาทิเช่น 
      บอริส ปาสเตอร์แน็ก (Boris Pasternak) กวีนักประพันธ์และนักแปลวรรณกรรมชาวรัสเซีย หนังสือเล่มแรกของบอริส ปาสเตอร์แน็กคือบทกวี My Sister หนึ่งในคอลเล็กชันที่มีอิทธิพลมากที่สุดที่เคยตีพิมพ์ในภาษารัสเซีย วันที่ 23 ตุลาคม 2501 บอริส ปาสเตอร์แน็ก ได้รับรางวัลโนเบลสาขาวรรณกรรม เรื่องหมอซิวาโก้ และทันทีที่นวนิยายนี้ได้ถูกเสนอชื่อเข้ารับรางวัลโนเบล สหภาพโซเวียตพิจารณาว่ามันคือการ "ใส่ร้าย" และทำให้เสียชื่อเสียงในการปฏิวัติเดือนตุลาคม บอริส ปาสเตอร์แน็ก ถูกกดดันในทุกด้านซึ่งเป็นสาเหตุให้ถูกบังคับไม่ให้รับรางวัล และนำไปสู่ชนวนของการก่อสงครามเย็น บอริส ปาสเตอร์แน็ก ถูกคุกคามด้วยการกีดกันจากสหภาพนักเขียนและการลงโทษอื่นๆ ที่อาจยุติเส้นทางนักเขียนอนาคตของเขาเพราะรางวัลโนเบล บอริส ปาสเตอร์แน็ก ได้รับการขนานนามว่าผู้ทรยศ "The Judis Risen"  ส่วนวลีที่ว่า “ฉันไม่ได้อ่าน แต่ประนาม” ปรากฏขึ้น เขาถูกคุกคามด้วยการดำเนินคดีทางอาญาภายใต้บทความ "ทรยศต่อมาตุภูมิ" ในที่สุดเขาไม่สามารถทนฝืนสถานการณ์อยู่ได้และส่งโทรเลขไปยังสตอกโฮล์มในวันที่ 29 ตุลาคม 
      อย่างไรก็ตาม นักเขียนของสหภาพโซเวียตได้ยื่นอุทธรณ์ต่อรัฐบาลพร้อมกับขอให้ถอดถอนความเป็นพลเมืองและกวีแห่งยุคออกและขับออกนอกประเทศซึ่งบอริส ปาสเตอร์แน็ก เองก็กลัวเรื่องนี้มากที่สุด เป็นผลให้บทนวนิยายของเขาเรื่องหมอซิวาโก้ถูกห้ามตีพิมพ์และร้ายแรงจนทำให้เขาถูกไล่ออกจากสหภาพนักเขียน 
      และอีกท่านคือ ลีโอนิด ลีโอนอฟ (Leonid Leonov) นักประพันธ์และนักเขียนบทละคร
      ชาวโซเวียต ผลงานของเขาได้รับการเปรียบเทียบกับความทุกข์ทรมานทางจิตวิทยาเชิงลึกของ ฟิโอดอร์ มีไคโลวิช ดอสโตเยฟสกี (Dostoyevsky) ซึ่งเป็นนักเขียนที่ถือกันว่าเป็นหนึ่งในนักเขียนรัสเซียที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ งานของเขายังมีอิทธิพลอย่างลึกซึ้งต่อมาถึงนวนิยายในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 20 งานของเขามักจะมีตัวละครที่อาศัยอยู่อย่างแร้นแค้น มีความคิดที่แตกต่างและสุดโต่ง และมักจะแสดงให้เห็นถึงความเข้าใจอย่างน่าประหลาดของจิตวิทยามนุษย์ ลีโอนิด ลีโอนอฟ มีบทบาทสำคัญในช่วงสงครามกลางเมืองโดยเขาได้เป็นนักข่าวของกองทัพแดง
      อย่างไรก็ตาม คริสโตโพล เมืองเล็กๆนี้ยังมีชื่อเสียงโดดเด่นเรื่องการผลิตนาฬิกาข้อมือรัสเซียสไตล์วินเทจยี่ห้อ Vostok ผลิตโดยบริษัท Vostok Watch Makers, Inc. ซึ่งเป็นผู้นำผลิตนาฬิกาจากรัสเซียสายทหารยุคแรก ก่อตั้งในปี ค.ศ. 1941 ปัจจุบันมีวางจำหน่ายทั่วโลก นอกจากนาฬิกาข้อมือวินเทจยุคโซเวียตแล้ว ยังรับผลิตนาฬิกาแบรนด์อื่นอีกด้วย 
      นำท่านชม มหาวิหารเซนต์นิโคลัส (St. Nicholas Cathedral) มหาวิหารแห่งนี้ได้รับการบูรณะในช่วงทศวรรษที่ 30 ที่ถูกระเบิดของสหภาพโซเวียตและปิดมหาวิหารซ่อมของตกแต่งดั้งเดิมในวิหารหายไป แทนที่ด้วยภาพจิตรกรรมฝาผนังแบบใหม่ มหาวิหารแห่งนี้ตั้งอยู่บนเนินเขาซึ่งสามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ในมุมสูงได้ทุกมุมของแม่น้ำคามา 
      นำท่านชม มัสยิดนูร์ (The Nur Mosque) มัสยิดเก่าแก่สีเขียวที่สร้างขึ้นจากไม้ครั้งแรกในปีค.ศ.1857 ภายนอกทาสีเขียวโดดเด่น ภายในตบแต่งอย่างเรียบง่ายแต่สวยงาม เป็นหนึ่งในมัสยิดที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งที่ยังคงหลงเหลืออยู่

      นำท่านเดินเล่นบน ถนนเลียบแม่น้ำคามา (The Kama River Embankment) ดื่มด่ำกับบรรยากาศทั้งสองฟากฝั่งแม่น้ำและธรรมชาติที่รายรอบ
      แวะถ่ายรูปเป็นที่ระลึก ณ Memerial Complex with Eternal Flame และ Eleusa Icon Church ก่อนอำลาเมืองคริสโตโพล เพื่อมุ่งหน้าเดินทางสู่ เมืองโบลการ์ โดยมีระยะทางประมาณ 140 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางราว 2 ชั่วโมง
      ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ
      เข้าสู่โรงแรมที่พัก Kol Gali Resort & Spa Hotel 5*, Bolgar  หรือเทียบเท่า 

  • Day 5
    วันที่ห้า โบลการ์ - โบลการ์ ซิตี้ทัวร์ - คาซาน (B/L/D)
    • เช้า รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม
      นำท่านออกเดินทางไปยังสถานที่ทางประวัติศาสตร์และโบราณคดีที่สำคัญของคาซานคือเมือง ป้อมปราการโบราณโบลการ์ (The Great Bolgar) ตั้งอยู่ระหว่างริมฝั่งซ้ายของแม่น้ำวอลก้ากับแม่น้ำคามา ประมาณ 30 กิโลเมตร อยู่ห่างจากเมืองคาซาน
      140 กิโลเมตรในเขตสปัสกี้ มีพื้นที่ทางโบราณคดีกว่า 550 เฮกตาร์ มีความยาวของป้อมปราการ 5 กิโลเมตร เดอะเกรทโบลการ์ เคยเป็นเมืองหลวงของอดีตเมืองเก่าวอลก้าบัลแกเรียตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่8-15 อีกทั้งป้อมปราการโบราณโบลการ์ยังได้รับการขึ้นทะเบียนจากองค์การยูเนสโก้เป็นมรดกโลกทางด้านประวัติศาสตร์และโบราณคดียุคกลางในปีค.ศ.2014 ป้อมปราการโบราณแห่งนี้นับได้ว่าเป็นอัญมณีเม็ดงามที่ซ่อนอยู่ในใจกลางของสาธารณรัฐตาตาร์สถานที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวมาสัมผัสความสวยงามและยิ่งใหญ่ในอดีตอย่างล้มหลาม ชาววอลก้า-ตาต้าร์ส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลาม สิ่งปลูกสร้างในโบลการ์จึงประกอบไปด้วยห้องหออาคารสีแดง ดำ ขาว หอตรวจการณ์และโรงอาบน้ำโบราณ วิหารและอาราม มัสยิดและสุเหร่าน้อยใหญ่ โดยมีสุสานฝังศพท่านข่านและราชวงศ์ของข่าน มีปราสาทพระราชวังของท่านอยู่ในโซนเดียวกัน และที่สำคัญคือ White Mosque สุเหร่าหินอ่อนสีขาวที่เพิ่งสร้างขึ้นในปีค.ศ.2012 ซึ่งตัวอาคารมัสยิดหลักนั้นมีลักษณะคล้ายกับทัชมาฮาลของอินเดีย ข้อมูลสำคัญที่น่าสนใจคือ ซาร์ปีเตอร์มหาราช (Peter the Great 1672 – 1725 A.D.) กษัตริย์นักเปลี่ยนแปลงแห่งรัสเซียและซารีน่าแคทเธอรีนที่สองได้ปกป้องป้อมปราการโบราณโบลการ์แห่งนี้และทำนุบำรุงรักษามาจวบจนเหลือสภาพที่ค่อนข้างสมบูรณ์ในทุกวันนี้ ปัจจุบันคือสถานที่ใช้ประกอบพิธีทางศาสนาอิสลามซึ่งเหล่านักแสวงบุญต้องไปเยือนเพราะอยู่ทางตอนเหนือของนครเมกกะนั่นเอง
      กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน
      หลังจากอิ่มอร่อยกับอาหารแล้ว นำท่านออกเดินทางสู่ เกาะซวิยาสค์ (Sviyazhsk Island City) ซึ่งมีประวัติศาสตร์อันยาวนาน เริ่มขึ้นตั้งแต่ปีค.ศ.1552 เจ้าชายซาร์อีวานที่ 4 หรืออีวานผู้โหดเหี้ยมได้ยกทัพแบบเต็มกำลังบุกเมืองคาซานโดยตั้งค่ายอยู่ที่เกาะซวิยาสค์และได้ทำการเคลื่อนพลทหารกว่า 150,000 นายล่องมาตามแม่น้ำวอลก้าและได้ทำการปิดล้อมรอบเมืองคาซาน โดยตัดการเข้าถึงแหล่งน้ำซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการดำรงชีวิต เมื่อขาดน้ำเหล่าทหารคาซานก็อ่อนแรงและหมดแรงต้าน เมืองคาซานจึงต้องยอมสิโรราบให้กับกองทัพของเจ้าชายซาร์อีวานที่4 จนเมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม ปี ค.ศ.1557 ในช่วงที่เจ้าชายซาร์อีวานที่4 ตัดสินใจสร้างเกาะ

      แห่งนี้ขึ้นด้วยไม้เพื่อทำเป็นป้อมปราการ ใช้เวลาเพียง 4 สัปดาห์เท่านั้น ครั้นเวลาต่อมา เกาะซวิยาสค์ได้กลายมาเป็นฐานกำลังที่สำคัญของทหารชาวรัสเซียในการทำสงครามเพื่อต่อต้านการรุกรานของชนชาติมองโกล (Kazan Khanate) เกาะแห่งนี้มีความเป็นเอกลักษณ์ทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมอย่างมาก 
      นำท่านชม วิหารอัสสัมชัญ(Assumption Monastery of the Blessed Virgin) ที่แสดงให้เห็นถึงองค์ประกอบทางสถาปัตยกรรมที่มีความเชื่อมโยงไปกับการเมือง ถูกสร้างโดยเจ้าชายซาร์อีวานที่4 เพื่อขยายรัฐมอสโคว์ ภายในวิหารยังมีภาพจิตรกรรมฝาผนัง เฟรสโก้สไตล์ออร์โธด็อกซ์ตะวันออก ถือว่าเป็นหนึ่งในภาพที่หาชมได้ยากที่สุดอีกด้วย 
      นำแวะชมด้านนอก ศาสนสถาน 3 ศาสนา (Temple of all Religious) โดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมที่รวมเอา 3 ศาสนาของชนชาติหลักในรัฐตาตาร์สถาน ได้แก่ ศาสนายิวหรือศาสนายูดาย ศาสนาอิสลาม และศาสนาคริสต์นิกายออร์โธด็อกซ์ ซึ่งคงความแตกต่างแต่ไม่แตกแยกได้อย่างชัดเจนในเชิงสัญลักษณ์ได้อย่างลงตัว 
      ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ
      เข้าสู่โรงแรมที่พัก Mirage Hotel 5*, Kazan หรือเทียบเท่า 
  • Day 6
    วันที่หก คาซาน (B)
    • 09.00 น. รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม จากนั้นตรวจสอบสัมภาระเตรียมเช็กเอ้าท์ พร้อมออกเดินทางกลับสู่คาซาน
      10.30 น. เดินทางถึงท่าอากาศยานนานาชาติคาซาน เพื่อเตรียมตัวเช็คอินสำหรับเที่ยวบินภายในประเทศ 
      13.30 น. เหินฟ้าสู่ กรุงมอสโคว์ ประเทศรัสเซีย โดยเที่ยวบิน SU1277 (1330-1510)  (ใช้เวลาบิน 1 ชั่วโมง 40 นาที)
      16.00 น. เดินทางถึงสนามบินนานาชาติเชเรเมเตียโว Terminal B - Domestic แล้วเดินเท้าไปยัง Terminal F - International  หลังผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองเรียบร้อยแล้ว รอเปลี่ยนเครื่องบินเพื่อเดินทางต่อไปยังจุดหมายปลายทาง กรุงเทพฯ 
      19.10 น. เหินฟ้าสู่ กรุงเทพฯ ประเทศไทย โดยเที่ยวบิน SU270 (1910-0830)  (ใช้เวลาบิน 9 ชั่วโมง 20 นาที)
  • Day 7
    วันที่เจ็ด กรุงเทพฯ

    • 08.30 น. เดินทางถึงสนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิ กรุงเทพมหานครโดยสวัสดิภาพ
Top